บันทึกถีบ.. จักรยาน: เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน (ป่าสนบ้านวัดจันทร์-ปีใหม่ปกาเกอะญอ-ทะเลหมอก-ชิมยำเมี่ยงที่ปาย)
ทริปนี้เราไปปลายปีก่อน ออกเดินทางจากขอนแก่นไปเชียงใหม่ ใช้รถตู้ตีตรงจากเชียงใหม่มานอนรอ 1 คืน ภารกิจพี่คนขับคือถอดเบาะหลังออกให้เหลือแค่ที่นั่งด้านหน้าแถวเดียว แล้วก็แผ่จักรยานเอาอะไรรองซ้อนกันสองคันอยู่ด้านหลัง ทริปนี้มีสิ่งใหม่ที่อยากเอาไปลอง คือถุงพลาสติกใส่จักรยานสำหรับขึ้นเครื่องขากลับ นอกนั้นก็เป็นเสื้อผ้า เต็นท์ เครื่องนอน อุปกรณ์ทำอาหาร อาหารแห้ง อุปกรณ์ซ่อมจักรยาน ฯลฯ เราใช้จักรยานทัวร์ริ่งสำหรับขึ้นดอย เพราะทนต่อสภาพพื้นที่ ที่สำคัญคือมันมีระบบเกียร์และเบรกที่ช่วยได้ค่อนข้างมาก
เส้นทางที่ใช้ง่ายสำหรับรถเล็กเพราะเป็นทางเลาะหลีกทางหลักเริ่มต้นจากเมืองเชียงใหม่-บ้านแม่สาบ-สะเมิง-อทช.ขุนขาน-บ้านองลอม – ม่อนเหยียบเมฆา – ป่าสนวัดจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา – ต.เมืองแปง อ.ปาย- แม่ฮ่องสอน – แม่แจ่ม- อทช.ออบหลวง – อ.ฮอด – อ.จอมทอง – วัดบ้านดงหลวง ลำพูน – เชียงใหม่ (เราปั่นกลับมาถึงเมืองเชียงใหม่วันที่ 26 ธันวาคม แต่แวะหลายจุด บางทีก็หยุดเที่ยวหลายวัน)
ตามสภาพเส้นทางมีบางจุดที่แอดมินเหมารถในท้องถิ่น เพราะทางชันและลื่นขี้หิน คือ จากบ้านองลอมไปม่อนเหยียบเมฆา (เลือกทางลัดแต่ทางไม่ค่อยดี) และเส้นทางที่รถเร็วไหล่ทางแคบชัน คือ ปายไปแม่ฮ่องสอน, แม่ฮ่องสอนไปแม่แจ่ม (ถนนดีแต่เราเหมารถมาแล้ว จุดพักต่างๆ ห่างกัน) และจาก อทช.ออบหลวงไปอ.ฮอด อันหลังสุดขอเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ออกเวรช่วยไปส่งที่ตัวอำเภอ เพราะไหล่ทางแคบถนนแค่สองเลนรถวิ่งสวนกันเร็วมีทั้งรถธรรมดาและรถบรรทุก
ออกเดินทางได้..
เราออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ตอนเช้ามืดวันที่ 3 ธันวาคม แพ็คทุกอย่างเรียบร้อย เลาะออกมาเส้นด้านหลัง ม.เชียงใหม่ ตามทางไปอำเภอสะเมิง ดอยลูกแรกประเดิมแบบโดนหลอกว่าถึงยอดแล้วตลอดเวลา มันเป็นซำๆ ไต่ระดับแต่ละระยะแต่ละลูกขึ้นไปเรื่อยๆ นึกว่าถึงยอด ที่ไหนได้ลงมานิดก็ต้องขึ้นต่อเป็นพับปิ้งงูขึ้นไปอีก ทั้งปั่นทั้งผลักดันจักรยานมีแต่เหงื่อไหลอาบ น้ำหนักสัมภาระ(มันน่าจะมาจากคำว่า สำมะปิ+ภาระ= สัมภาระ) รวมน้ำหนักจักรยาน มีทั้งความร้อนและความเหนื่อย เป็นอะไรที่จะกลับก็ไม่ได้ มีแต่ต้องพยายาม มองเห็นสามีบีบเสื้อจนน้ำไหลโจ้ก
หลังจากหลักกิโลเมตรที่ 22 เราใช้ทางแยกซ้ายไปทางบ้านม้งน้ำซุ้ม-บ้านห้วยกว้าง เพื่อหลบถนนใหญ่ เส้นนี้มีวิวที่สวยมาก ผ่านไร่กะหล่ำ ไร่ส้ม ที่หมู่บ้านม้งยอดดอยมีเพิงกาแฟอย่างดีและมีห้องน้ำบริการ
เวลาคล้อยบ่ายสองถึงสามารถลงมาเชื่อมกับถนนใหญ่ได้ และจากนี้ไปอยากบอกว่าโคตรมันส์! เพราะมันเชื่อมทางลงดอย ถนนกว้างโค้งไปโค้งมาลงอย่างเดียวแถมชันสุดๆ พากันปลิวตามแรงโน้มถ่วงลงมา ต้องเบรกเป็นระยะๆ จากจุดปากทางลงมาถึงหมู่บ้านด้านล่างเหงื่อออกมือยังไม่กล้าปล่อยแฮนด์ยกเช็ด ใช้เวลาสิบกว่านาทีถึงพื้นราบ
คืนนี้คิดว่าจะขออาศัยวัดนอน เพราะถ้าจะขึ้นดอยอีกลูก น่าจะไม่ทันค่ำ เสียแต่วัดนี้มีพระรูปเดียวและท่านก็ไม่อยู่ เลยไปถามชาวบ้าน เขาแนะนำให้ไปปางช้างใกล้ๆ เพราะมีที่พัก โชคดีมากที่ปางช้างมีบริการให้กางเต็นท์ได้และราคาไม่แพง ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น และมีอาหารเพราะร้านเปิดแต่เช้า แค่วันแรกก็โคตรผจญภัยแล้ว พรุ่งนี้ออกจากหมู่บ้านเพียงร้อยเมตร เตรียมตัวขึ้นดอยอีกลูกที่สูงกว่าวันนี้!
ถ้ำแม่สาบ..
วันที่สองของการเดินทาง เรามาถึงตัวอำเภอสะเมิง ได้กินข้าวซอยตอนเที่ยง ดอยที่ผ่านเมื่อเช้า มันสูงกว่าเมื่อวาน แต่ถนนก็ช่วยได้มากเพราะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไป ทางลงก็ยังคงระทึกเบรกไม่แพ้กัน ถนนบางโค้งได้กลิ่นไหม้ผ้าเบรกหลงเหลืออยู่ สามีเช็คเบรกเกือบตลอดทาง เส้นนี้จักรยานเสือภูเขาและมอเตอร์ไซด์ท่องเที่ยวผ่านเยอะ รถมีไม่มาก เพราะถนนแคบเลยพลอยไต่ระดับได้แบบอืดๆ
และก็มาถึงถ้ำหลวงแม่สาบ หมู่บ้านแม่สาบ ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง ที่นี่มีเจ้าหน้าที่พาเข้าชมอธิบายลักษณะทางธรณีของถ้ำ พอได้รับหมวกกันน๊อตติดไฟฉายแล้ว เดินขึ้นบันไดไปไม่สูงมาก ภายในถ้ำเป็นหินปูนมีสีสันลวดลายสลับซับซ้อนสวยงามและค่อนข้างหายาก เป็นสีของแร่ธาตุต่างๆ ที่ตกตะกอนตามชั้นหิน เช่น สีดำเป็นมังกานีส เป็นต้น
หลังจากออกจากถ้ำแม่สาบลงเขาไปก็เป็นหมู่บ้านไทลื้อ ได้ที่พักค่อนข้างสวยสไตล์รีสอร์ท ชื่อ The Nest at Samoeng doinok resort ปลูกดอกไม้เยอะ มีร้านอาหารที่มีเมนูใหญ่ ที่สำคัญมีอาหารมังสวิรัตน์อยู่หลายรายการ ได้น้ำพริกอ่องกับผักลวกดีใจมาก วันนี้ไปได้แค่ 20 กม.
อุทยานแห่งชาติขุนขาน..
วันที่สามของการเดินทาง ออกจากบ้านแม่สาบเกือบเก้าโมงเพราะซ่อมรถกันอยู่ ได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มนักปั่นฝรั่งที่มาจากเวียดนามที่มาพักที่รีสอร์ตช่วยซ่อมเบรกให้ จนใช้งานได้ดี การข้ามดอยมาบ้านแม่ขาน ไม่ธรรมดา ขาขึ้นคล้ายลูกเมื่อวานพอไหวไม่ลงเข็นมาก แต่ขาลงกลับโหดสุดกว่าทุกลูกที่ผ่านมา ทั้งมันส์ ทั้งชัน ทั้งพับลงแคบสุดๆ ต้องค่อยๆ เบรกลงมา ป่านนั้นพอจะถึงก่อนโค้งพับลงยังต้องชะลอเบรกตัวโก่ง ลูกระนาดเตือนมีที่นี่ สุดท้ายถึงหมู่บ้านเที่ยง แต่ไม่มีร้านข้าว โชคดีมีร้านขายของหมู่บ้านได้อาศัยเติมน้ำ ไอติม ขนม ฯลฯ
บ่ายๆ มาถึง อทช.ขุนขาน มีน้ำอุ่นธรรมชาติให้อาบ ได้กางเต็นท์ข้างๆ ลำน้ำใสๆ มีร้านกาแฟที่มีอาหารได้พักผ่อนสบาย ที่นี่มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสั้นๆ ประมาณ 3 กม.
หมู่บ้านอมลอง..
ออกเดินทางวันที่สี่ ยังอยู่ที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ มีจุดหมายที่หมู่บ้านอมลองที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่ากิโลเมตร เราไต่เขาเพื่อกลับมาทางเดิม แล้วไปเลี้ยวที่ตรงแยกก่อนขึ้น อทช.ขุนขาน จะเป็นทางไปบ้านอมลอง เส้นทางนี้ไม่ค่อยมีรถเพราะไม่ใช่ทางหลัก เส้นทางลัดเลาะป่าเขามีร่มไม้บังเงา ไต่ระดับไม่สูงมากนัก แล้วยังเป็นการลงเขาเสียมากกว่า ถนนราดยางมีเม็ดกรวดเล็กๆ กระจายและเป็นหลุมบ่อ เจ้าของร้านกาแฟที่บ้านอมลองบอกว่าเส้นนี้เป็นทางลัดไปปาย ถามว่าไปง่ายไหม เธอไม่ตอบ(ฮา)
หมู่บ้านนี้มีไม่กี่หลังคาเรือนโอบล้อมบรรยากาศด้วยภูเขาสูง มีร้านกาแฟหนึ่ง ร้านข้าวที่เปิดตลอดหนึ่ง อย่างละนิดละหน่อย มีโฮมสเตย์น้อย ที่พักคืนนี้ชื่อว่า บ้านโต้งดอยล้อมโฮมสเตย์ ปลูกต้นเก็กฮวยกำลังมีดอกสวย เจ้าของน่ารัก ตอนเย็นติดต่อเรื่องขอเช่ารถไปม่อนเหยียบเมฆาเพราะถนนที่ลัดไปไม่ค่อยดี
ม่อนเหยียบเมฆา..
วันที่ห้าของการเดินทาง ออกจากหมู่บ้านอมลองแต่เช้า เอาจักรยานขึ้นหลังกระบะผูกติดกับโครงเหล็ก ทางลัดผ่านหมู่บ้านกะเหรี่ยง ไปยากขึ้นประมาณ 70 องศา ลงไม่ต่างกัน ทางดินแดงไม่เรียบ แลดูเข็นขึ้นเป็นตาลื่นขี้หิน ลงเป็นได้ตีลังกา ขนาดรถกระบะเองท้ายรถยังโยกไปโยกมา จักรยานเหมือนจะหลุด พ้นทางหมู่บ้านก็วิ่งเส้นทางหลักถึงม่อนเหยียบเมฆา อ.กัลยาณิวัฒนา เชียงใหม่ สวยสมชื่อมาก จองที่พักไปล่วงหน้าเพราะมีไม่กี่เพิง(จะว่าเป็นห้องก็ไม่ได้ เพราะเป็นเต็นท์โดม) มีวิวไร่ปลูกสตอรว์เบอรี่ด้านล่าง มีร้านอาหารด้านหน้าราคาไม่แพง
ป่าสนวัดจันทร์..
วันนี้เป็นวันที่หกของการเดินทาง กว่าจะออกเดินทางได้ก็เกือบสิบโมงเพราะหมอกหนามาก พอข้ามเส้นแบ่งเขตเชียงใหม่เข้าสู่แม่ฮ่องสอน ปุ๊บ! ลงเขายาวๆ ปั่นผ่านถนนวิวต้นสนหอมข้างทาง สามีถึงกับออกปากว่าเหมือนวิสคอนซิล ได้กลิ่นไม้สนเป็นระยะเพราะความชื้น ปั่นขึ้นเขาไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ มีบางช่วงที่ชันหักศอกมาก แต่ส่วนใหญ่โค้งกว้างชันขึ้นเนิน ใครเมารถไปปายแนะนำขับมอเตอร์ไซด์ทางนี้จะมันส์โคตรๆ (เส้นนี้เข้าเขตแม่ฮ่องสอน แล้วก็วกกลับเข้าเขตเชียงใหม่อีกรอบ)
ถึงป่าสนวัดจันทร์ ระหว่างทางเข้าหมู่บ้านเจอร้านอาหารเจ เป็นอันแปลกที่มาขายอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ นับว่าโชคดีที่ได้กิน “เห็ด” ปกติเจอแต่กะหล่ำกับผักกาด คุณป้าเจ้าของร้านย้ายมาจากสุพรรณเพราะหนีภูมิแพ้ อากาศที่นี่คงจะดีมาก วันนี้ปั่นไม่เหนื่อยถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พอได้นั่งก็ไม่อยากขยับไปไหนอีก สรุปขี่ขึ้นลงดอย 38 กม. ถือว่าไกลกว่าทุกวันที่ผ่านมา เวลาที่ใช้หมดไปกับการ “เข็น” ขึ้นดอยได้ทีละ 50 เมตรก็สุดแล้ว และทุกครั้งที่จะต้องเจอโค้งแคบๆ ขึ้นเนินไปก็จะหยุด พอรวมพลังแล้วก็ดันเฮือกเดียวเข้าโค้งไป เผื่อว่ารถตามหลังมาจะได้ไม่ลำบาก รถทุกคันที่เผอิญมาเจอตอนจะขึ้นโค้งซำฮากแบบนี้มีน้ำใจช่วยหยุด แล้วปล่อยจักรยานให้ผ่านขึ้นไปให้ได้ก่อน แอดมินขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
ปีใหม่ปกาเกอะญอ..
ภาพนี้เป็นภาพวัฒนธรรมสูบขี้โยของชาวปกาเกอะญอ ขี้โยเปลือกมะขามป่นห่อด้วยใบตองแห้ง สูบแล้วสดชื่นกว่าบุหรี่ ผู้เฒ่าปกาเกอะญอว่าอย่างนั้น..
หลังจากผ่านหมู่บ้านเมื่อวาน เราก็ได้ข่าวว่าจะมีงานบุญปีใหม่ปกาเกอะญอชาวพุทธที่วัดจันทร์ เลยตัดสินใจหยุดการเดินทางเพื่อรอเทศกาลที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม (แต่ละปีน่าจะไม่ตรงกัน) เราไปนอนที่หมู่บ้านเด่น โฮมสเตย์ชื่อ “ตาปลูกข้าว ยายทำสวน” ตอนกลางคืนปั่นไปดูเขาร้องเพลงคริสต์มาสของปกาเกอะญอชาวคริสต์ที่โบสถ์ โบสถ์นี้ใหญ่มาก เป็นโบสถ์ไม้ เวลาร้องประสานเสียง เสียงจะกังวาลไพเพราะ ที่หมู่บ้านปกาเกอะญอมีทั้งพุทธและคริสต์ อย่างพี่เจ้าของโฮมสเตย์ก็เป็นคริส แต่ก็มาร่วมทำบุญทำโรงทานในวันปีใหม่ที่วัดด้วย
อีกวันพี่เจ้าของโฮมสเตย์เมตตาพาไปเยี่ยมบ้านคุณตา ซึ่งเป็นบ้านแบบดั้งเดิมที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่หลัง มีเตาแบบโบราณใช้ในบ้าน พี่เขาก็เป็นล่ามคุณตานั่งอธิบายหลายๆ อย่างให้ฟัง พี่เจ้าของโฮมสเตย์ทำท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมหมู่บ้านปกาเกอะญอด้วย
ก่อนวันงานปีใหม่หนึ่งวัน วัดจันทร์มีการประกวดสรภัญญ์เป็นภาษาถิ่น มีงานแสดง มีซุ้มให้ความรู้ ซึ่งแต่ละอย่างก็ไม่ค่อยเห็นบ่อย เป็นของพื้นเมือง เช่นทำอาหารโบราณ ดูการทอผ้า ย้อมผ้า และมีของพื้นเมืองทั้งของกินของใช้มาจำหน่าย ตอนเช้าเป็นวันปีใหม่ ปกาเกอะญอมาร่วมทำบุญผ้าป่า แห่ต้นผ้าป่าร่วมกันรอบพระธาตุ และมีการทำโรงทาน เป็นต้น
โป่งน้ำร้อนเมืองแปง และดอยมนโฮมสเตย์ริมแม่น้ำแดง..
ออกเดินทางจากโครงการป่าสนวัดจันทร์ (กลับมานอนที่นี่อีกคืน) เช้านี้มุ่งสู่เส้นทางไปปาย เราผ่านดงสนที่ให้กลิ่นหอมฟุ้งมาถึงถนนเป็นระยะ ขี่ขึ้นๆ ลงๆ ไต่ตามระดับความสูงถนน ก่อนจะเข้าเขตแม่ฮ่องสอนอีกครั้งแบบปั่นลงสุดๆ แล้วมาขึ้นสุดๆ ลูกสองลูก จากนั้นก็ขึ้นๆลงๆ ไต่ระดับขึ้นไปอีก บ่ายโมง ไม่มีร้านข้าวระหว่างทาง กินไข่ต้มที่น้ำพุร้อนเมืองแปงแก้หิวไปก่อน (มีคนขายไข่สดนั่งร้อนๆ อยู่เจ้าเดียว ถ้าปิดร้านคืออด)
คืนนี้พักดอยมนโฮมสเตย์ริมแม่น้ำแดง ที่นี่ห่างปายประมาณ 23 กม. นอนกระท่อมแบบเถียงนาที่มีห้องน้ำในตัว มีร้านอาหารเล็กๆ มีคุณลุงคุณป้าทำกับข้าว ทางเข้าต้องเดินตามทางแคบๆ และข้ามสะพาน บริเวณนี้เงียบสงบได้ยินแต่เสียงลำธารน้ำไหลให้ปล่อยใจไปเรื่อยๆ ช่วงนี้น้ำตื้นมากท่วมแค่ตาตุ่ม พื้นด้านล่างเป็นหินกรวด เดินเล่นในน้ำนวดฝ่าเท้าผ่อนคลายมาก ส่วนหน้าฝนถ้าจะมาคงต้องเช็คสถานการณ์น้ำท่วมอีกที
ปาย..
ระหว่างทางจากดอยมนไปปาย เราสามารถไปเที่ยวชมน้ำพุร้อนได้อีกแห่ง คือ “น้ำพุร้อนบ้านเหมืองแร่” อยู่ห่างปายแค่ 20 กม. เป็นน้ำพุร้อนเล็กๆ ที่อยู่ข้างถนน เส้นทางถนนดี และหากไปถึงปาย อย่าพลาดชมวัดแห่งแรกของอำเภอปายคือ “วัดศรีดอนชัย” มีอุโบสถ์ที่สวยงาม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ พระพุทธสิหิงค์ (พระสิงห์) อายุกว่า 500 ปี
ถึงปายแล้ว เรื่องกินแอดมินต้องมา(ฮา) เราจะไม่ไล่เรียงวัน เพราะที่ปายที่เที่ยวเยอะ แนะนำเป็นของกินแล้วกัน “สลัดผักใบชาใส่แทมเป้ทอด” หรือ “ยำเมี่ยง” แอดมินก็ไม่เคยทานมาก่อน รสชาติกลมกล่อมแซบบอกไม่ถูก มันเป็นอาหารถิ่นพม่า (ใครอยากทานต้องไปร้านอาหารพม่า) ก่อนหน้านี้ระหว่างทางเห็นผักหมักๆ ในถุง คุณยายคนขายบอกว่า “อย่าเอาเลย เมี่ยง ไม่เคยกินมันจะเมา” สุดท้ายก็จัดไปเพราะนึกว่าสลัดผัก! โชคดีว่าไม่เมา กินเป็นจานก็ไม่เมา มันอร่อยมากค่ะยาย พิกัดที่ร้าน Earth Tone ร้านนี้ทำรูปแบบให้ชาวต่างชาติทาน มันเลยดูอลังการกว่าปกติของยำเมี่ยง มีเครื่องเคียงกับยำหลายอย่าง เรียกได้ว่าไปทานยำเมี่ยงที่อื่น มันจะอยากกลับมาทานที่นี่อีก
ตกดึก แน่นอนว่าต้องไปถนนคนเดินปาย เราไปลองอาหารที่ไม่เคยทานตามเคย มันคือ ข้าวซอยยูนนาน คุณป้าตั้งหม้อใหญ่ๆ น้ำซุปไว้ข้างทาง แล้วก็มีโต๊ะเล็กๆ สองสามโต๊ะ ผัดๆ ต้มๆ กันตรงนั้น ถนนคนเดินมีอาหารให้เลือกหลายอย่าง มีงานศิลปะ งานหัตถกรรม ถือว่าเป็นถนนคนเดินที่ดีมีบรรยากาศดีมาก มีเสน่ห์ และยังมีของพื้นเมืองขายค่อนข้างเยอะ
อาหารเช้าเรามาร้าน Tea Tea’s cafe and bakery ข้าวดอยมันไก่ ถนนสิงหราช มีเมนูหลากหลาย ตั้งแต่มาถึงเพิ่งได้ฟีลลิ่งปายเมื่อสิบกว่าปีก่อนในเช้าวันนี้ เพียงแค่ทานอาหารง่ายๆ ธรรมดา บรรยากาศคนไม่ค่อยพลุกพล่าน ความทรงจำในเวลานั้นก็หวนกลับมาให้คิดถึงกัน
และแล้วก็มาถึงเช้าวันออกเดินทางเพื่อไปตัวเมืองแม่ฮ่องสอน แผนแรกว่าจะไม่มาปาย จะเลี้ยวไปอีกทางเพื่อไปเมืองแม่ฮ่องสอน แต่สุดท้ายก็ห้ามความอยากไม่สำเร็จ อ้อนวอนจนที่รักต้องเปลี่ยนเส้นทาง พอมาถึงที่นี่ ปายก็อยู่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปอีกร้อยแปดกิโลเมตร! เส้นทางถนนใหญ่ดูแล้วยากแก่จักรยานสัมภาระเยอะ เลยเหมารถสองแถวจากปายไปแม่ฮ่องสอนจากร้านเช่ารถแถวถนนคนเดิน และขอให้พี่คนขับช่วยเตรียมอุปกรณ์ผูกจักรยานให้ รถมารับตามนัดในตอนเช้าที่โรงแรมตามเวลา พี่คนขับพาหยุดเที่ยวจุดต่างๆ ก่อนที่เราจะถึงเมืองแม่ฮ่องสอนด้วย ตลอดทางนึกในใจว่าดีแล้วที่เหมารถมา ความชันเหมือนจะทุบสถิติทุกดอย(ฮา)
…..
ขอจบตอนแรก ณ การเดินทางไปแม่ฮ่องสอนก่อน สำหรับตอนที่ 2 จะเป็นช่วงจากแม่ฮ่องสอน ลงมาเชียงใหม่
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ : )
ปล.สำหรับจักรยานทัวร์ริ่ง เราให้พี่หมา ร้าน Bok Bok Bike ประกอบให้ค่ะ ใครสนใจแปะลิงค์ให้แล้วนะคะ