
Nevers เนอแวร์.. เมืองแห่งเครื่องเคลือบดีบุกยุคโบราณของฝรั่งเศส
* บันทึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเส้นทางจักรยาน EuroVelo 6 ในฝรั่งเศส (ตอนที่ 3)

วันที่ 10 ของการเดินทาง เราปั่นจักรยานออกจากเมืองบูร์บง ล็องซี (Bourbon-Lancy) ตามถนน EuroVelo หมายเลข 6 เช่นเดิม
ถนนยังเป็นเส้นเล็กๆ ข้างคลองน้ำ พอหลุดออกจากคลอง ก็พาเราลัดผ่านทุ่งกว้างใหญ่ มองเห็นครื่องจักรรดน้ำที่มีขายาวหลายสิบเมตรในทุ่งเกษตร
มันเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสลงไปดูใกล้ๆ เจ้าเครื่องนี้คงใช้การเจาะเอาน้ำบาดาลสูบขึ้นไปรดพืช
จากนั้นเราก็ได้ผ่านทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์บ้าง ส่วนใหญ่เลี้ยงวัวเป็นฝูงแบบปล่อยให้หากินหญ้าเองภายในรั้วที่กั้นด้วยลวดหนาม




ตลอดช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาอุปสรรคสำหรับการปั่นเริ่มไม่ใช่ฝน เพราะฝนเริ่มหายไปแล้ว สิ่งที่เพิ่มมาคือปุยอะไรก็ไม่รู้ลอยฟุ้งเต็มทางไปหมด เยอะขนาดที่เหมือนกองหิมะน้อยๆ ริมข้างทาง ฝนตกทีก็ซาไปที แล้วก็กลับมาลอยกันใหม่
คิดถึงผ้าพันคอที่เอาไว้ปิดจมูกกันฝุ่นตอนปั่นจักรยาน ซึ่งก็ไม่ได้เอามา เพราะคิดว่ายุโรปไม่มีฝุ่น ที่ไหนได้เจอก้อนใหญ่กว่า หากใครเป็นภูมิแพ้ละอองเกสรเที่ยวยุโรปในช่วงเวลานี้ ควรพกยาแก้แพ้มาด้วย


เราปั่นมาได้ประมาณ 85 กิโลเมตร ใช้เวลาเกือบแปดชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงเมืองเนอแวร์ เป็นเมืองขนาดกลางที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลัวร์ เมืองนี้มีคนอยู่ราวหกหมื่นคน
บรรยากาศของเนอแวร์ดูเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่พักคืนนี้เราอยู่ด้านบนของร้านกาแฟ ด้านข้างร้านมีประตูแยกขึ้นบันไดแคบๆ ไปที่ชั้นสองของร้าน
ในบรรดาคนที่มานั่งจิบกาแฟยามบ่ายเห็นเป็นกลุ่มนักปั่นหลายโต๊ะ ผู้คนนั่งอยู่กับวงสนทนาที่มีกาแฟแก้วเล็กๆ วางอยู่ตรงหน้า ร้านนี้คงเป็นที่นิยมมากเพราะอยู่ใกล้แม่น้ำ ลมโกรก มีแสงแดดส่อง ดูสบายๆ




เราเก็บของเสร็จก็ไปเที่ยวกันในเมือง นอกจากถนนหนทางจะมีตึกรามบ้านช่องที่เป็นระเบียบ ก็ยังมีเจ้าปุยนุ่นที่ลอยฟุ้งสร้างบรรยากาศเหมือนเมือง Upside Down ในหนัง Stranger things


เมืองนี้ในอดีตมีการหาอยู่หากินที่น่าสนใจคือ การผลิตเครื่องปั้นดินเผาแบบเคลือบดีบุก เพราะมีทรัพยากรสองอย่างที่สำคัญคือ “ดินขาว” หรือดินเกาลิน (ดินขาวแบบภาคเหนือที่เราเอามาทำเครื่องปั้นดินเผา) หรือแร่เคโอลิไนต์ (Al2Si2O5(OH)4) และ “ช่างชาวอิตาลี”
สำหรับดินเกาลินนั้นจะมีความลื่นคล้ายสบู่และปั้นเป็นก้อนได้ถ้าเปียก ถ้าถูกเผาก็จะแข็งทนทาน เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องปั้นดินเผาแบบเคลือบดีบุก (tin-glazed earthenware) ฝรั่งเศสเรียก faience
ส่วนช่างชาวอิตารี เข้ามาทำงานที่เมืองนี้จากการชักชวนของดยุก จนทำให้ปี ค.ศ.1580 ถึงต้นศตวรรษที่ 19 เมืองเนอแวร์ได้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของฝรั่งเศส
ผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบช่วงแรกจะมีสีเดียว ต่อมาได้มีการใช้สีที่หลากหลายเอาอย่างเครื่องปั้นดินเผาจีน
การวาดภาพบนภาชนะ นิยมวาดวิถีชีวิตของชาวฝรั่งเศสในช่วงเวลานั้น ถือเป็นของมีมูลค่าสูง พอมีโอกาสได้เห็นบางส่วนจากนิทรรศการถาวรที่จัดแสดงในพระราชวังดยุกแห่งเนอแวร์ (Palais ducal de Nevers) (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลากลาง สำนักงานนายกเทศมนตรี และหอประชุมสภา)


การผลิตเครื่องเคลือบดินเผาฝรั่งเศสได้ใช้ธรรมชาติของแม่น้ำในยุคที่ไร้ไฟฟ้าอย่างเป็นประโยชน์ โดยอุตสาหกรรมเหล่านี้จะตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ อาศัยการไหลของแม่น้ำเป็นตัวหมุนเฟือง เพื่อบดดินขาวให้เป็นผงละเอียด ซึ่งดินขาวจะถูกใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำเครื่องเคลือบดินเผาฝรั่งเศส


เมื่อการผลิตเครื่องปั้นดินเผากลายเป็นอุตสาหกรรมแล้ว แต่ทว่าการขนส่งสินค้ากลับเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะแม่น้ำลัวร์ไหลเชี่ยวและมีทั้งบริเวณตื้นลึก ซึ่งบางท่าก็อยู่ในบริเวณน้ำตื้น เรือบรรทุกของหนักไม่ได้ จึงต้องขนถ่ายสินค้าไปลงเรือลำอื่นที่ลอยลำรออยู่
หรือบางพื้นที่ก็มีน้ำท่วม บางจุดก็มีสะพานกีดขวาง การเดินทางในแม่น้ำลัวร์ไม่ว่าจะเป็นการเกยตื้นหรือจมน้ำ ก็เลยเกิดขึ้นอย่างเป็นเรื่องปกติ
ทำให้ในอดีตจึงมีการพัฒนาเรือเพื่อให้เข้ากับข้อจำกัดของแม่น้ำ จนเรือที่ได้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และคนขับเรือในแม่น้ำลัวร์ได้ก็ต้องมีความชำนาญมาก
น่าเสียดายว่าในช่วงศตวรรษที่ 20 ศาสตร์นี้กลับกลายเป็นความรู้ที่สูญหาย..






จากเมืองเนอแวร์ เราจะออกเดินทางต่อไปยังเมือง ลา ชาริติ ซูร ลัวร์ (La Charité-sur-Loire) อยู่ห่างออกไปราว 34 กิโลเมตร
……………………
จบ ตอนที่ 3