จากตึกร้างสู่แรงบันดาลใจในงานศิลป์ ลา ชาริติ ซูร์ ลัวร์
บันทึกการเดินทางเส้นทางจักรยาน EuroVelo 6 ในฝรั่งเศส และส่วนหนึ่งของเส้นทางคณะราชทูตอยุธยาโกศาปานไปปารีส พ.ศ.2229 (ตอนที่ 4)
วันที่ 13 พฤษภาคม ออกจากเมืองเนอแวร์ ปั่นไปได้ไม่นานเส้นทางขาดเพราะน้ำท่วมฝั่ง ทำให้ต้องย้อนกลับไป วันนี้เองที่เจอกับต้นไม้ต้นเหตุของนุ่นที่ลอยฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งเมือง ค้นเจอว่ามันคือต้นที่เขาเรียกว่า Cottonwood เป็นพวกไม้ป๊อบล่า (Poplar) เนื้ออ่อนทำฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านได้อีกชนิดหนึ่ง ปุยของมันลอยละลิ่วปลิวละล่องตามลมไปไกล ตกตามพื้นสองข้างทางจนเป็นสีขาวยังกับปุยหิมะในช่วงที่อากาศเริ่มอบอุ่น
เราเดินทางมาถึงเมือง ลา ชาริติ ซูร์ ลัวร์ (La Charite-sur-Loire) เป็นอีกเมืองเล็กที่อยู่ริมฝั่งของแม่น้ำลัวร์ที่มีศิลปินหลายคนมาเปิดร้าน จนกล่าวได้ว่าวงการศิลปะได้เล็งเห็นความสวยงามของรอยปุปะผนังที่จะพังเหล่มิพังแหล่ สีเก่าคร่ำคร่าถลอกปอกเปิกจนหลุดร่อนของเปลือกซีเมนต์ชั้นต่างๆ ของตึกเหล่านั้น ได้ช่วยเพิ่มสีสันความมีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเมือง และเมืองนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลหนังสือประจำปี จัดทั้งเมืองตามตรอกซอกซอยต่างๆ เปิดทั้งแผงขายหนังสือ ขายงานหัตถกรรมทำมือ มีดนตรี ขายอาหาร ฯลฯ
เราเลือกที่พักอยู่เกาะขนาดย่อมกลางแม่น้ำลัวร์ที่ดูไม่เหมือนเกาะ เพราะเป็นที่ราบและมีสิ่งปลูกสร้างตึกรามบ้านช่องเต็มพื้นที่ เราเช็คอินแล้วก็จอดรถจักรยานไว้ที่โรงแรม อาศัยสองเท้าเดินชมบรรยากาศของเมือง ข้ามสะพานใหญ่โดยมีฉากเมืองลา ชาริติ ซู ลัวร์ อยู่เบื้องหน้า บนถนนมีรถคลาสสิกวิ่งอยู่หลายคัน ท้องฟ้าที่มีสีขมุกขมัวบวกกับอากาศที่หนาวด้วยแรงลมจากแม่น้ำลัวร์ ทำให้ต้องใส่เสื้ออยู่หลายชั้น
พอเข้าเมืองมา สภาพตามถนนสองข้างทางผิดกับเมืองอื่นๆ ตึกรามบ้านช่องมีไม้ตอกปิดทางเข้าออกราวกับถูกทิ้งร้างมานาน ประตูเหล็กสีสนิมเขลอะ ประตูบางบานก็ผุ ดีว่าตึกทำจากอิฐและหินเลยไม่เพพังเท่าไหร่ โครงสร้างดูแข็งแกร่งจากภายนอกแต่ภายในก็สุดรับรู้ได้ ทางเดินในเมืองบางเส้นทางชัน มีร้านเล็กๆ เช่น ร้านหนังสือที่มีสไตร์เก่าๆ ร้านเสื้อผ้าสีอึมครึม แกลเลอรีภาพ พื้นที่แสดงงานศิลปะ มีแกลเลอรีหัตถกรรมเช่นเป่าแก้ว เห็นช่างทำงานอยู่สองสามคน ทั้งเมืองดูเหงาตามบรรยากาศท้องฟ้า ส่วนร้านอาหารก็ยังไม่ถึงเวลาเปิด ที่เห็นนั่งกันอยู่มักเป็นร้านจิบกาแฟเงียบๆ แบบง่ายๆ ถ้านั่งอยู่ก็คงงีบหลับ ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่ข้าพเจ้าก็ชอบในความที่ดูดั้งเดิมนี้มาก
วันนี้มีโมเมนต์น่ารัก เดินลงจากบันได เจอคุณป้ากำลังเดินมาทางฝั่งซ้ายมือ ต่างคนเลยต่างหยุดเพราะเกือบชนกัน คุณป้าแกก็ยิ้มให้ เลยทักทั้งบองชู เมอซี่ เต้งกิ้ว คล้อยหลังไปนิดหน่อย เหมือนแกนึกอะไรได้เดินหมุนตัวกลับมาพร้อมภาษาฝรั่งเศส สามีเลยบอกว่าพวกเราพูดอังกฤษ แกเลยพยายามอธิบายบางอย่างให้เราปนกันทั้งสองภาษา สามีจับใจความได้ว่าที่แกเห็นเราพากันถ่ายรูปกับบ้านหลังเล็กๆ โบสถ์โบราณ แกเล่าตำนานให้ฟังว่าเป็น “บ้านคนแคระ”
พวกเราดีใจมากที่มีคนมาอธิบาย ได้แต่ขอบคุณคุณป้าที่อัธยาศัยดีและน่ารัก จะว่าไปตั้งแต่ปั่นจักรยานในฝรั่งเศสมา เจอแต่คนเป็นมิตรทักบองชูกันทั้งวัน อย่างไรก็ตาม “คนหัวร้อน” ข้าพเจ้าก็เจอเหมือนกันที่เมืองอื่น แต่แค่คนเดียวในตลอดสามเดือนที่เดินทางในยุโรป นับว่าตัวเลขเฉลี่ยน้อยมากๆ เหตุการณ์คือลุงฝรั่งเจ้าของร้านเวียดนาม คุยกันไม่รู้เรื่อง สั่งปอเปี๊ยะผักในเมนูดันเป็นหมูมา แกก็ไม่สนใจที่เราพยายามกดมือถือแปลและอธิบาย เอาแต่พูดฝรั่งเศสรัวๆ เข้าร้านเวียดนามมา 3 ร้านไม่เคยเจอปัญหาอะไร พึ่งมีเคสร้านลุงบ่นอะไรก็ฟังไม่ออก ได้แต่ยืนฟังแกบ่นจนจบ แล้วก็พูด I am sorry. (หนูฟังไม่ออกซักคำค่ะ แง..) และโค้งลาจากแกไปอย่างสุภาพ ไม่ได้โกรธอะไรแกเลย
สรุปวันนี้ปั่นไม่ไกลประมาณ 34 กิโลเมตร เพราะอยากมานอนที่นี้ ที่พักของเราชื่อว่า Le Bon Laboureur อยู่บนเกาะกลางแม่น้ำลัวร์ที่ไหลเชี่ยว โรงแรมมีห้องสำหรับเก็บจักรยานเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือในบ้านเจ้าของนั่นเอง อาหารเช้าเป็นบาเก็ตเช่นเดิม และมีขนมปังหวานแบบอื่นๆ ให้เลือก
สถานีประตูน้ำโบราณ ที่พักโรแมนติกแห่งเมือง ชาตียง-ซูร์-ลัวร์
เช้าวันถัดมาคือวันที่ 14 พฤษภาคม ออกจากเมือง ลา ชาริติ ซูร์ ลัวร์ (La Charite-sur-Loire) เส้นทางผ่านพื้นที่ชุ่มน้ำอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบริเวณริมฝั่งแม่น้ำลัวร์ มองฝั่งขวามือเห็นมีพวกพืชทนน้ำท่วมขึ้นอยู่ในที่ฉ่ำน้ำแฉะๆ ดูแล้วอุดมไปด้วยแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำที่หลบกระแสน้ำอันไหลอันเชี่ยวของแม่น้ำลัวร์
วันนี้โชคดีเจอทั้งไก่ฟ้าและหมูป่าลายๆ ตัวเล็กๆ หรือที่เรียกว่า Marcassin (the boar piglet) ได้ปั่นผ่านโรงงานพลังไฟฟ้านิวเคลียร์ บริเวณรอบๆ โรงงานเป็นธรรมชาติมาก ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่กสิกรรมไม่ค่อยเห็นชุมชนใกล้โรงงานมากนัก ในเส้นทางได้ยินเสียงนกร้องเซ็งแซ่ สายลมที่พัดเย็นสบาย
ช่วงบ่ายเราพากันมาถึงที่พักชื่อว่า Le Relais de Mantelot ใกล้เมือง ชาตียง-ซูร์-ลัวร์ (Châtillon-sur-Loire) ของฝรั่งเศส ราวบ่ายสอง ใช้เวลาเกือบๆ 4 ชม. กับ 61 กม. ทำเวลาดีมาก (ส่วนใหญ่ลงเนินปั่นทางเรียบ)
ที่พักแห่งนี้เข้าใจว่าเคยเป็นตึกที่ทำการดูแลประตูน้ำโบราณ (ช่วงปี 1838-1896) ในส่วนของประตูน้ำเลิกใช้งานแล้ว เป็นเส้นทางออกสู่แม่น้ำลัวร์เพื่อไปเข้าประตูน้ำ Les Combes ที่อยู่อีกฝั่ง ซึ่งเรือต้องล่องไปตามช่องทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร จึงสร้างเส้นทางใหม่คือสะพานคลอง Briare ยกเรือข้ามแม่น้ำลัวร์ไปบนฟ้า ซึ่งช่วยขจัดปัญหาและลดเวลาการข้ามแม่น้ำลัวร์
บรรยากาศแถวนี้เงียบสงบมาก เป็นที่นิยมของชาวจักรยานยูโรเวลโล แต่ที่พักก็มีห้องไม่มาก ทำให้ต้องจองมาก่อนหลายเดือน เช่นเดียวกับการจองที่พักอื่นๆ ตามเส้นทางจักรยาน ไม่อย่างนั้นอาจไม่มีที่นอนเอาดื้อๆ เพราะเข้าฤดูร้อนคนมาปั่นจักรยานท่องเที่ยวตามเส้นทางจักรยานเยอะมาก
ตอนเย็นเราพากันปั่นเข้าเมืองหาข้าวกิน ขึ้นเนินไปกลับอีกราว 6 กม. แต่ก็เหมือนเดิมร้านอาหารยังไม่ถึงเวลาเปิด โชคดีมีร้านค้าสะดวกซื้อที่ปั๊มน้ำมัน พอที่จะได้บาเก็ต ถั่วลิสงค์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ลูกแพร แอปเปิ้ล สลัดตะบูเล่ะ (Tabule salad หรือ Taboulé ในภาษาฝรั่งเศส) ใช้คูสคูส (couscous) ใส่พวกพลาสเล่ย์ (Parsley) มินท์ (Mint) มะเขือเทศ และน้ำมะนาว สลัดชนิดนี้มังสวิรัตน์ทานได้ เป็นอาหารของเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก อาหารที่ขายนอกนั้นต้องประกอบปรุงโดยใช้การต้มหรือไมโครเวฟ โชคดีที่ที่พักมีอาหารเช้าให้เลยไม่ต้องตุนเสบียงมากนัก ซึ่งเสบียงมังสวิรัตน์ก็หนีไม่พ้นขนมปัง ถั่ว และผลไม้ เกือบครบหมู่แล้ว ยกเว้นไม่มีไข่ เพราะไม่มีใครขายไข่ต้มในซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่วนผลไม้ได้ของสดชั่งกิโลขายราคาไม่แพงดูดีกว่าทางอังกฤษในเมืองที่เคยเดินทางไปเยือน อันนั้นหาง่ายจากร้านซุปเปอร์ฯ แต่เขาหั่นแช่เย็นแพ็คใส่กระปุกไว้ในช่องเย็นให้เลือกหยิบ คงอยู่ในนั้นหลายวัน พอชิมเข้าไปมันก็ไม่ค่อยสดแล้ว
ตอนหน้าออกเดินทางไปเมือง Sully-sur-Loire ไปตามเส้นทางสู่เมือง Orleans, Tours, Angers และ Nantes ตามลำดับ
…………