
คฤหาสน์โคล ลูซิ (Château of Clos Lucé) บ้านหลังสุดท้ายของเลโอร์นาโด ดา วินชี ที่เมืองอ็องบวซ (Amboise)
“Details make perfection and perfection isn’t just a detail.
รายละเอียดทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบ และความสมบูรณ์แบบไม่ใช่แค่รายละเอียดเพียงอย่างเดียว” เลโอนาร์โด ดา วินชี…
*บันทึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเส้นทางจักรยาน EuroVelo 6 ในฝรั่งเศส และผ่านเมืองในเส้นทางที่คณะราชทูตอยุธยาโกศาปานใช้ไปปารีส พ.ศ.2229 (ตอน 7)
เรามักรู้จักเลโอนาร์โด (Leonardo di ser Piero da Vinci) ในฐานะนักวาดภาพที่มีชื่อเสียงของโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพโมนาลิซา (Mona Lisa) ซึ่งวาดอยู่บนไม้เศรษฐกิจอย่างไม้ป๊อบล่า (poplar wood ไม้ชนิดนี้เขียนไว้ใน ตอนที่ 2 ) ซึ่งจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ฝรั่งเศส หรืออาหารค่ำมื้อสุดท้าย (The Last Supper) ภาพวาดบนผนังที่ Basilica di Santa Maria delle Grazie เมืองมิลาน อิตาลี บทความนี้เราจะพาไปเยี่ยมบ้านหลังสุดท้ายของเลโอนาร์โดกัน
วันที่ 18 พฤษภาคม เราอยู่ในเมืองที่อยู่บนเส้นทางจักรยาน EuroVelo 6 เช่นเดิม เช้านี้ออกเดินสำรวจเมืองไปตามทางด้านหลังปราสาท Château Royal d’Amboise ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลัวร์ในเมืองอ็องบวซ (เมืองอ็องบวซห่างจากปารีสประมาณสองร้อยกว่ากิโลเมตร รถไฟความเร็วสูงมาได้สะดวก)
Château Royal d’Amboise มี the Chapel of Saint-Hubert เป็นหลุมฝังศพของเลโอนาร์โด ดา วินชี ผู้เป็นทั้งศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ สถาปนิก นักประดิษฐ์ ฯลฯ อัจฉริยะของโลกเมื่อ 500 ปีก่อน น่าเสียดายที่ช่วงเวลาที่ไปเขาปิดซ่อมแซม เลยได้แต่ยืนระลึกถึงอยู่ด้านนอก


ถนนย่านด้านหลังปราสาทบรรยากาศตอนเช้ายังไม่มีร้านไหนเปิด แต่คนก็เริ่มออกมาเดินชมเมือง บ้านไม้โบราณสลับกับตึกรุ่นหลังดูกลมกลืน ถนนซีเมนต์แคบๆ พาเราเดินเลาะผ่านบ้านคนที่อยู่สองข้างทาง อาจมีหนึ่งชั้นหรือสองชั้นสลับกันไป แต่ละหลังดูเตี้ยๆ หน้าต่างชั้นล่างติดถนนนิยมแขวนผ้าม่านสีขาวฉลุลาย เพียงพอที่จะปกปิดด้านในของบ้าน
ไม่ไกลจากที่ฝังศพของเลโอนาร์โดห่างออกไปอีก 600 เมตร เป็นที่พำนักแห่งสุดท้ายของเลโอนาร์โดคือ คฤหาสน์โคล ลูซิ (Château of Clos Lucé)


เลโอนาร์โด ดา วินชี เป็นชาวอิตาลี มีชีวิตอยู่ในระหว่างปี ค.ศ.1452-1519 (ราว 500 ปีที่แล้ว) ไม่ได้แต่งงานและไม่มีลูก เลโอนาร์โดเสียชีวิตด้วยวัย 67 ปี เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ.1519 (พ.ศ.2062) สันนิษฐานว่าเป็นสโตรกหรือโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน
ช่วงสามปีสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เลโอนาร์โดได้พำนักอยู่ที่คฤหาสน์โคล ลูซิ (Château of Clos Lucé) โดยได้รับคำเชิญจากพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 แห่งฝรั่งเศสและพระนางหลุยส์แห่งซาวอยซึ่งเป็นพระราชมารดา ให้มาพักผ่อนและทำงานอยู่ในสถานที่แห่งนี้
โดยพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 ได้ยกย่องเลโอนาร์โดว่าเป็นจิตรกรและวิศวกรและสถาปนิกชั้นนำแห่งพระมหากษัตริย์ (Premier Painter and Engineer and Architect of the King) และได้พระราชทานเงินบำนาญให้แด่เลโอนาร์โดเป็นเวลา 2 ปี
หลังจากเขาเสียชีวิต เขาได้มอบวรรณกรรมเอกสารทั้งหมดกับ ฟรานเชสโก เดอ เมลซี Francesco de Melzi ซึ่งเป็นลูกศิษย์เอก ซึ่งได้รวบรวมเป็นต้นฉบับและส่วนหนึ่งกลายมาเป็น “ตำราว่าด้วยจิตรกรรม” ที่ชื่อว่า Trattato della Pittura (Treatise on Painting) (ดาวน์โหลดอ่านได้) ตำราเล่มนี้เป็นประโยชน์มากต่อการวาดภาพและนำไปประยุกต์ใช้โดยเฉพาะหลักการด้านการสังเกตธรรมชาติอย่างละเอียด และยังมีหนังสือที่เลโอนาร์โดบันทึกด้วยมือ (Codex) อีกหลายฉบับ
สำหรับคฤหาสน์โคล ลูซิ เป็นคฤหาสน์หลังเล็กที่มีห้องใต้หลังคา จ่ายค่าบัตรเข้าชมราว 19.50 ยูโรต่อคน สามารถเข้าชมห้องต่างๆ ภายในคฤหาสน์ อาธิ ห้องทำงาน ห้องนอน และห้องรับประทานอาหาร ฯลฯ และเข้าชมสวนเลโอนาร์โด ดา วินชี รวมถึงแกลเลอรีศิลปะและสถาปัตยกรรม










สำหรับเลโอนาร์โดแล้ว การที่ภาพต่างๆ เหล่านั้นถูกวาดออกมาอย่างปราณีตสวยงามน่าอัศจรรย์ อาจจะไม่ใช่เป็นพรสวรรค์เท่านั้น เพราะงานทุกชิ้นทำให้มองเห็นว่า เลโอนาร์โดเป็นคนชอบตั้งคำถามและค้นหาคำตอบแบบลงมือทำ สนใจเฝ้าสังเกต และศึกษาสิ่งต่างๆ อย่างละเอียดขั้นสุด รวมถึงแสวงหาความรู้นั้นในแบบสหวิทยาไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ในการอธิบายธรรมชาติ ที่น่าสนใจคือสามารถสร้างโครงสร้างวัตถุที่มาจากความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์กับธรรมชาติ ทำให้ช่วยในการวาดภาพออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ และการออกแบบสิ่งต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์ได้
หัวข้อที่เขาศึกษา อาธิ กายวิภาคของมนุษย์ สัตว์ รูปร่างและรูปทรงเรขาคณิต, การเคลื่อนที่และการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ, สีสันของท้องฟ้า, การเคลื่อนที่สายน้ำ, หรือแม้กระทั่งลักษณะการมองเห็นของมนุษย์ เช่น เมื่อเปลี่ยนแปลงมุมและองศาการมอง ก็มีผลกับการมองเห็นเฉดสีที่เปลี่ยนแปลงไป ฯลฯ สิ่งเหล่านี้กลายมาเป็นตำราของเลโอนาร์โดที่มีคุณูปการในการบุกเบิกศิลปะวิชาการของฝรั่งเศสและโลกในเวลาต่อมา











ปิดท้ายด้วยส่วนหนึ่งของโควทดีๆ จาก เลโอนาร์โด ดา วินชี ตามป้ายติดผนังที่ต่างๆ
“ผู้ที่กระตือรือร้นฝึกฝนแต่ขาดความรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้น เปรียบเสมือนนักบินที่ออกเดินทางโดยไม่มีหางเสือหรือเข็มทิศ และจะไม่มีวันรู้แน่ชัดว่าตนกำลังจะไปที่ใด”
“อย่าให้ใครที่ไม่ใช่นักคณิตศาสตร์อ่านใจฉันได้ เพราะฉันยึดมั่นในหลักการของตัวเองเสมอ”
“วิธีการค้นหาคำตอบของมนุษย์ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง หากไม่ผ่านการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์
Leonardo da Vinci.
………………..
จบ ตอนที่ 7
………………