เตรียมตัวอย่างไร เมื่ออยากไปทุ่งกะมัง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ
ภูเขาหินทรายต้นกำเนิดของแม่น้ำชีลำน้ำสายใหญ่ที่ไหลผ่านหลายจังหวัดของภาคอีสานและเป็นบริเวณขอบของที่ราบสูงโคราชด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นที่ตั้งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว หรือเรามักรู้จักกันในนามของ “ทุ่งกะมัง” เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และมีสัตว์ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกวางและช้างที่หากินอยู่ตามธรรมชาติ และยังมีนกทั้งพื้นถิ่นและอพยพหลากหลายชนิด ทำให้ทุ่งกะมังเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการถ่ายภาพนกสวยงามได้ตลอดทั้งปี..
ช่วงปลายฝนต้นหนาวยังเป็นช่วงที่ดี มีโอกาสถ่ายภาพของผีเสื้อสวยงามหลากหลายสายพันธุ์เป็นฝูงใหญ่ ซึ่งออกมาหากินเกลืออยู่ตามโป่งตามข้างถนนเป็นจำนวนมาก มีโอกาสเจอแลนหรือตะกวดอยู่ตามต้นไม้ รวมไปถึงตัวเงินตัวทองที่ออกมานอนผึ่งแดดใกล้กับหนองน้ำ ได้ง่ายอีกด้วย
ยามค่ำคืนของภูเขียว ท้องฟ้าที่นี่เปิดกว้างแทบจะถึงชายขอบฟ้าสามารถมองเห็นทางช้างเผือกได้อย่างชัดเจน สามารถนอนดูดาวกันได้อย่างปลอดภัย
ส่วนคนที่ชอบเดินป่า สภาพป่าปลายฝนมีความชุ่มชื้นมาก ควรเตรียมเสื้อกันฝนไปด้วย การสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวจะช่วยป้องกันยุงและ “แมงคุ่น” คล้ายแมลงวันกัดแล้วคันนานหลายเดือน และบางครั้งพื้นดินในบริเวณทางเดินป่ามักมีน้ำขังเป็นระยะ การเดินป่าจึงควรมีรองเท้าที่กันน้ำได้หรือบูธ เพราะถ้าแช่เท้าในน้ำชื้นแฉะทั้งวันก็อาจติดเชื้อได้ง่าย
ถุงกันทากเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เคยเห็นมีจำหน่ายที่ที่ทำการ ฯ (ที่น้ำหนาวและเขาใหญ่ก็มีจำหน่าย) ซึ่งจะช่วยบรรเทาทากที่ชอบอยู่ตามพื้นดินได้ดี แต่ถึงกระนั้นก็อาจจะไม่พ้นทาก เพราะมีพันธุ์ใหญ่อยู่ตามปลายยอดหญ้าชอบดีดเล็งมาเฉพาะที่สูงทั้งหัวและคอ ทากเหล่านี้เราจะเจอได้ตลอดทั้งปี เพราะที่นี่มีสัตว์ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก หากเห็นไต่อยู่ก็เพียงใช้นิ้วดีดออก หากโดนกัดก็รอให้ทากอิ่มก็พอ ถ้าดึงทากตอนกำลังดูดเลือดอาจจะไหลออกเรื่อย ๆ คันไปอีกสามเดือนแล้วแต่คนแพ้ แต่ทากก็ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่ในการเข้าป่าของภูเขียว เพราะที่นี่มีดุกว่าคือเห็บป่าที่มีขนาดเท่าฝุ่นหรือไรแดง จึงไม่ควรนั่งตามตอไม้ผุ และยังมีเห็บกวางใหญ่ขึ้นมาหน่อยตัวสีขาวขุ่นขนาดเท่าเห็บหมา ถ้าติดตัวกลับมาถึงบ้านก็ไม่ตายเหมือนทาก หากโดนกัดจะคันเหมือนทากกัด บางครั้งนานหลายเดือนแผลจึงหายสนิท การป้องกันมีตั้งแต่ยาฉุนชุบน้ำทาขา ทายากันยุง ก็มีบ้างที่เจ้าหน้าที่ใช้แป้งกันหมัดหรือรมควันเสื้อผ้าให้มีกลิ่นเขม่าควัน
สำหรับเส้นทางเดินป่าทุกเส้นทาง สอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนเดินเที่ยวในป่าจะสะดวกที่สุด เพราะบางเส้นทางป่าปกคลุม บางเส้นทางจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ เนื่องจากทางอาจไม่ชัดเจน หรือหากเห็นเป็นทาง ก็อาจจะเป็นด่านทางเดินของสัตว์ป่า ทำให้พลัดหลงได้
ในส่วนของบ้านพัก เนื่องจากเป็นเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าไม่ใช่ที่ท่องเที่ยวเสียงดังอึกทึกหรือมีความสะดวกสบายครบครัน ไฟฟ้าจะปิดตอนสามทุ่มแต่มีน้ำไหลตลอด อาบน้ำกลางดึกจึงควรมีไฟฉายติดตัว ที่นี่สามารถกางเต็นท์ได้(ไม่มีเต็นท์ให้เช่า ต้องเอามาเอง) สำหรับผู้ที่จะพักบ้านพัก บ้านพักมีไม่มาก ตัวเรือนนอนเป็นห้องแถวจะมีหมอน ฟูก และผ้าห่มให้เป็นอย่างดี ห้องน้ำมีทั้งในห้องและบริเวณลานกางเต็นท์ซึ่งสามารถอาบน้ำได้ ค่าบริการที่พักแล้วแต่บริจาคให้แก่กรมอุทยานฯ และในตอนกลับก็อาจทิปเป็นค่าช่วยทำความสะอาดให้กับแม่บ้าน
สำหรับขยะ หากไม่ทิ้งที่นี่จะดีมากเพราะกวางชอบมาคุ้ยหาของกินในถังขยะ และควรเก็บอาหารอย่างมิดชิดหรือเก็บในรถ เพราะมีหนูป่า แม้แขวนตามผนังก็ไม่รอดหนู เพราะหนูเหล่านี้เป็น “หนูนินจา” มันมีความสามารถกระโดดจากฝาผนังหนึ่งไปอีกฝาผนังหนึ่งได้
สำหรับความสะดวกอื่น ๆ ด้านบนมีร้านค้า 1 ร้าน ในส่วนอาหารการกินมีร้านสวัสดิการของอุทยาน 1 ร้าน เมื่อไปถึงควรไปสอบถามอาหารการกินไว้ก่อน เพราะไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่งแบบที่เราพอมาถึงสั่งทานได้เลย
สัญญาณโทรศัพท์ ส่วนใหญ่ไม่มีสัญญาณ จุดที่พอมีสัญญาณคือใกล้บริเวณที่ทำการ ฯ เท่านั้น
ข้อควรระมัดระวัง
>การขับรถเข้า-ออก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ไม่ควรขับรถเร็ว เพราะที่นี่จะมีสัตว์ป่าข้ามถนน บ้างก็มาอาศัยอยู่บนถนน หรือบางครั้งก็มีคนลงถ่ายรูปสัตว์ป่าหรือสำรวจพันธุ์ไม้ข้างทาง รวมถึงการสวนกันของรถบนทางแคบที่ไม่มีไหล่ทางให้หลบ
>> ที่นี่เงียบมาก ห้องพักเป็นเรือนแถวติดกัน ถ้าคุยกันจะได้ยินไปหมดเพราะเป็นผนังมีเพียงไม้กั้น ไม่ควรเล่นดนตรี เปิดฟังเพลง คุยกันเสียงดัง หรือส่งเสียงอึกทึกยามค่ำคืน ภูเขียวจึงเหมาะสำหรับคนที่รักธรรมชาติ และพร้อมที่จะมาฟังเสียงธรรมชาติด้วยกันจริงๆ
วิธีการเข้าไปชมสัตว์ป่าที่ทุ่งกะมัง
กรณีต้องการพักติดต่อ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ส่งเอกสารขอเข้าพักค้างคืน ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 อาทิตย์ แต่ถ้าขับรถเข้าไปชมเองไม่พักก็สามารถทำได้ มีค่าเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฯ ที่ด่าน และควรเข้าด่านก่อนเที่ยงวันจะทำให้ท่องเที่ยวได้หลายจุด ถ้าเกินบ่ายสามโมงเจ้าหน้าที่อาจพิจารณาไม่ให้เข้าชม เพราะต้องขับรถจากด่านกว่าจะไปถึงที่ทำการ ฯ ซึ่งเป็นทางเส้นเล็ก ๆ เลาะเลี้ยวตามป่าอีกกว่ายี่สิบกิโลเมตร สำหรับผู้ที่ไม่มีรถยนต์ รถสาธารณะไม่สามารถเข้าถึงได้สะดวก ใครสะพายเป้ไปเองเมื่อลงอำเภอคอนสาร จ.ชัยภูมิ อาจจะต้องโบกรถต่ออีกหลายทอด ไม่สะดวกเท่าไหร่นัก.
……………………….
บทความโดย สุทธวรรณ บีเวอ
อีสานอินไซต์
update: 20/2/63